วันนี้เราจะพาทุกท่านย้อนไปยังช่วงที่เกิด วิกฤติโควิด -19 ใหม่ๆ เมื่อช่วงปลายปี 2019 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสโมสรฟุตบอลทั่วโลก และ ในบ้านเราเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราจะมานำเสนอเกี่ยวกับสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่พวกเขาสามารถผ่านพ้นวิกฤติมาได้ในสถานการณ์ช่วงแรก ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของการที่ไม่มีผู้ชมเข้าสนาม การแข่งขันที่มีโปรแกรมมากมาย และ งบประมาณในแต่ละปีที่ต้องส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้นจากที่มีปัญหาอยู่แล้วตลอดหลายฤดูกาล ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เท่านั้น แต่ส่งผลต่อทุกๆทีม แต่แนวคิดใดที่ช่วยให้สโมสรจากแดนล้านนาผ่านวิกฤติมาได้ วันนี้เราจะมาดูกันครับ
สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด กับวิธีการแก้ปัญหาในการผ่าน วิกฤติโควิด -19
แม้ว่าในฤดูกาลแต่ละฤดูกาล สโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด จะมีงบประมาณในการใช้ลุยศึกไทยลีก กว่า 100 ล้านบาท แต่ก็ถือได้ว่าเป็นงบประมาณที่พอดิบพอดีกับการใช้ในทุกฤดูกาลอยู่แล้ว แต่ยิ่งเมื่อเกิดวกฤติไวรัสโควิด—9 แพร่ระบาด ก็ส่งผลกระทบอย่างมากมายกับงบประมาณที่มีอยู่ซึ่งพวกเขาต้องตัดสินใจให้ดีเนื่องจากว่า ด้วยสถาการณ์ที่เป็นในช่วงเวลานั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าการแข่งขันไทยลีกจะกลับมาเมื่อไหร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทีมเป็นอย่างมาก ทั้งการเงิน ที่ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่กลับต้องขาดรายได้จาก สปอร์นเซอร์ รวมไปถึงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดก็หายไปด้วยจากการที่ต้องพักการแข่งขันไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ค่าใช้จ่ายทั้งสตาฟ ค่าตัวนักเตะ ค่าดูแลสนาม ค่าใช้จ่ายพนักงานแผนก ต่างๆ ยังคงต้องแบกรับต่อไป
การแก้ปัญหาของสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ด้วยการตัดงบค่าใช้จ่ายลง 50 เปอร์เซ็นต์
ด้วยการทำทีมแบบมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด มาตั้งแต่การที่พวกเขาทำทีมจนสามารถคว้าแชมป์รายการไทยลีกมาได้เมื่อปี 2019-2020 ทำให้การตัดสินใจที่จะใช้การลดงบประมาณการทำทีมลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์นั้นก็มีส่วนช่วยให้สโมสรผ่านพ้นวิกฤติมาได้ จนปัจจุบันที่การแข่งขันนั้นแม้ว่าจะยังไม่สามารถกลับมาแข่งขันกันได้แบบมีผู้ชม แต่ก็ถือได้ว่าเป็นแนวทางที่ดีในการพาให้สโมสรฟุตบอลผ่านวิกฤติมาได้เป็นอย่างดี
และ จน ณ เวลาปัจจุบันนี้ ก็อยู่ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2021-2022 แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจัดการแข่งขันไทยลีกแบบที่มีผู้ชมในสนามได้อย่างเช่นเคย เนื่องจากวิกฤติเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสยังคงหนักหน่วงรุนแรงอย่างเช่นเดิม ซึ่งก็ต้องมาติดตามกันต่อไปว่าในอนาคตข้างหน้าวิกฤติการณ์นี้จะหายไปเมื่อใด