หากเราได้ติดตามการแข่งขันโอลิมปิก 2020 ที่จัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก็คงจะได้ทราบแล้วว่าประเทศรัสเซียลงแข่งขันโดยใช้ชื่อว่า ROC ซึ่งเป็นสาเหตุมาจากการที่รัสเซียใช้สารกระตุ้นกับนักกีฬาในประเทศ จนถูกแบนไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติรวมไปถึงโอลิมปิกเกมส์หนนี้ด้วย และยังมีอีกหนึ่งประเทศที่ไม่สามารถใช้ชื่อประเทศตัวเองเข้าร่วมการแข่งขันได้เช่นกัน นั่นก็คือไต้หวัน แต่สำหรับกรณีของไต้หวันนั้นเกิดขึ้นมานานแล้ว ด้วยการเกิดกรณีขัดแย้งระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1981ซึ่งไต้หวันที่ไม่สามารถใช้ชื่อประเทศไต้หวันเข้าร่วมทำการแข่งขันได้ ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในชื่อ Chinese Taipei หรือที่บ้านเรารู้จักกันดีในชื่อสั้นๆว่า ไทเป และใช้ชื่อนี้ในการร่วมการแข่งขันรายการใหญ่ระดับนานาชาติทุกรายการด้วย รวมไปถึงการใช้ธงในการแข่งขันโอลิมปิกที่จะไม่ใช่ธงที่เป็นของไต้หวัน แต่เป็นธงที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะกรรมการโอลิมปิกของประเทศไต้หวัน ใช้เท่านั้นในทุกครั้ง ที่มีนักกีฬาจากไต้หวันได้ออกไปแข่งขันรายการต่างๆที่ต่างประเทศ
ความน่าสนใจของโอลิมปิก 2020 ที่เกี่ยวข้องกับไต้หวัน
ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ก็มีความน่าสนใจตั้งแต่พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเลยทีเดียว จากช่วงที่นักกีฬาของแต่ละประเทศกำลังเดินลงสู่สนามเพื่อร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งแต่ละคนก็ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตั้งใจและเต็มที่ และได้กลายมาเป็นเรื่องดราม่าในเวลาต่อมา เมื่อขบวนนักกีฬากำลังเดินลงสนาม ซึ่งในการแข่งขันโอลิมปิกทุกครั้งแต่ละชาติที่เดินลงสู่สนาม จะเป็นการเดิมเรียงกันไปตามลำดับตัวอักษรซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอักษรภาษาญี่ปุ่น และได้ไล่เรียงมาถึงประเทศไต้หวัน โดยที่ขบวนนักกีฬาของไต้หวันเดินลงสู่สนามด้วยป้ายที่เขียนชื่อเอาไว้ว่า Chinese Taipei และเช่นเคยที่จะมาพร้อมกับธงลัญลักษณ์โอลิมปิกของพวกเขาเอง ซึ่งไม่ใช่ธงชาติไต้หวัน เหมือนการแข่งขันโอลิมปิกทุกครั้งที่ผ่านๆมา ซึ่งหากไม่ได้ศึกษาจริงๆก็คงไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นไม่ใช่ธงชาติไต้หวันจริงๆ แต่เป็นเพียงธงที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเท่านั้น และสิ่งที่เป็นประเด็นก็เกิดขึ้นเมื่อ พิธีกรประเทศจ้าภาพโอลิมปิกอย่างญี่ปุ่นในทีวี กลับเรียกนักกีฬาจากไทเป ว่า ไต้หวัน ซึ่งที่จริงก็ถูกแล้ว แต่สำหรับจีนคือไม่ใช่เลยจนถึงขึ้นทำการตัดสัญญานถ่ายทอดสดการเดินของขบวนนักกีฬาไปเลยทีเดียว แต่เมื่อกล้องตัดภาพมาอีกทีก็ได้เจอเพียง นักกีฬาจากประเทศจีนที่เดินผ่านกล้องไปซะแล้วครึ่งนึง ซึ่งเรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่พูดยากพอสมควรเรื่องกับข้อพิพาทที่เป็นปัญหามายาวนานนี้